เปิดสถิติ โครเอเชีย ดวลจุดโทษชนะรวดในเวิลด์คัพ หลังส่ง ญี่ปุ่น ไม่เข้ารอบ 16 ทีม ฟุตบอลโลก 2022 พร้อมสถิติของผู้รักษาประตูวีรบุรุษ
วันที่ 6 เดือนธันวาคม 2565 สถิติที่น่าสนใจหลังเกมฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีม คู่ที่ 5 ซึ่ง ทีมชาติโครเอเชีย ดวลจุดโทษชนะ ทีมชาติญี่ปุ่น 3-1 สกอร์รวมในเวลา 120 นาที ชนะ 4-2 เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งที่ 3 ต่อจากปี 1998 (เข้ารอบรองชนะเลิศ) และ 2018 (เข้ารอบชิงชนะเลิศ)
ทำให้ขุนพล “หมากรุก” ยังรักษาสถิติชนะ 100 เปอร์เซ็นต์ กับการดวลจุดโทษตัดสินในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ทั้ง 3 ครั้ง โดย 2 หนก่อนหน้าที่ผ่านมาเกิดขึ้นในฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย
โครเอเชีย ชนะด้วยความเก๋าเกม ญี่ปุ่นมาถึงจุดนี้ไม่ใช่ฟลุก ฟุตบอลโลก 2022
ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายเล่นด้วยความแรงและความฟิตของนักเตะ แต่มาเจอความเก๋าและความนิ่งของ โครเอเชีย ที่ลากเกมให้กินเวลา ก่อนชนะจุดโทษด้วยการยิงที่ดีมากกว่าชัดเจน
เริ่มเกมเป็นฝั่งญี่ปุ่นที่เล่นแบบเปี่ยมด้วยพลัง ใช้ความฟิตของนักเตะเดินหน้าบดใส่จนกระทั่งทำเอา โครเอเชีย เหนื่อยกับการจัดการ ยิ่งช่วงท้ายครึ่งแรกญี่ปุ่นเร่งเกมหนักกว่าเดิมจนกระทั่งเป็นฝ่ายขึ้นนำได้สำเร็จ
ญี่ปุ่นเล่นได้อย่างสดชื่น และ ดูเนียนตามาก การเข้าบีบบีบคั้นนักเตะโครเอเชียทำเป็นว่องและเข้าขากันอย่างยอดเยี่ยม ส่วนเกมรุกก็ออกจะต่อบอลได้แม่น สามารถบอกได้เลยว่าที่ผ่านเข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่มไม่ใช่เรื่องบังเอิญเด็ดขาด
อย่างไรก็แล้วแต่ โครเอเชียที่ประสบการณ์ล้นเหลือก็ไม่ได้ร้อนรนกับสถานการณ์แต่อย่างใด ยังคงพยายามครองบอลให้ได้มากโดยไม่เร่งเกมบวก และเน้นย้ำใช้ลูกกลางอากาศโจมตีหนักขึ้นจนได้ประตูตีเสมอ ซึ่งลูกโด่งเป็นสิ่งที่ญี่ปุ่นจำเป็นต้องไปหาทางพัฒนาการป้องกันให้ดีขึ้น
หลังหลังจากนั้นยังเป็นโครเอเชียเล่นด้วยความเยือกเย็น ครองบอลและเดินเกมด้วยจังหวะที่เสถียรกว่า ขณะที่ความแรงของญี่ปุ่นเริ่มไม่แสดงผลในครึ่งหลัง แต่ก็ไม่มีสกอร์เพิ่มจนกระทั่งจบ 90 นาที จำเป็นต้องขยายเวลาพิเศษ
ช่วงต่อเวลาพิเศษโครเอเชียยังเล่นแบบเน้นย้ำความแน่นอนตัวอย่างเช่นเดิม แต่ดูเหมือนความเหนื่อยอ่อนล้าจะเริ่มคุกคามนักเตะ ขณะที่ญี่ปุ่นหันมาเล่นตั้งรับคอยสวนกลับ ซึ่งจำเป็นต้องชมว่าฝั่งญี่ปุ่นดูเหมือนยังฟิตกันอยู่ทำให้โครเอเชียพรวดพราดไม่ได้ กระนั้นก็ไม่มีฝั่งไหนยิงเพิ่ม จำเป็นต้องตัดสินด้วยจุดโทษ
เป็นว่านี่เป็นระยะเวลาวัดความเก๋าอย่างแท้จริง ฝั่งญี่ปุ่นนั้นจำเป็นต้องบอกว่ายิงออกจะห่วยอีกทั้งทิศทางและน้ำหนัก แถมผู้รักษาประตูโครเอเชีย โดมินิก ลิวาโควิช ก็ท็อปฟอร์มดักทางถูกหมด ส่วนโครเอเชียยิงกันอย่างมั่นใจและแม่น ขนาดลูกพลาดก็ยังไปชนเสาเลย
โครเอเชียทำเป็นสมเป็นเจ้าพ่อช่วงต่อเวลา หลังจากที่ฟุตบอลโลก 2018 ก็ฉลุยรอบน็อกเอาต์ด้วยการขยายเวลาถึง 3 แมตช์ จนกระทั่งก้าวไปถึงรองแชมป์โลกมาแล้ว เป็นการบอกถึงความนิ่งทางจิตใจของทีม และแผนการที่เหมาะสมต่อการสู้เกมไม่จบสิ้น
ส่วนญี่ปุ่นแม้ว่าจะไม่เข้ารอบเพียงเท่านี้ แต่จำเป็นต้องบอกว่าได้ผลสำเร็จงานที่น่ายกย่องอย่างที่สุดแล้ว เล่นแบบที่เรียกได้ว่าเป็นตัวแทนที่น่าภาคภูมิใจของเอเชีย ทีมชุดนี้มีพร้อมในแง่ความสามารถนักเตะอีกทั้งทางกายและทางใจ บางครั้งก็อาจจะยังเหลือจุดให้ปรับปรุงกันอีกหน่อยแค่นั้น
ถ้าญี่ปุ่นยังมีพัฒนาการคืบหน้าอย่างคงเส้นคงวาต่อไปเรื่อยๆ เชื่อว่าโอกาสลุ้นแชมป์โลกในอนาคตคงไม่ใช่สิ่งที่ไกลเกินฝัน
สถิติการดวลจุดโทษของ โครเอเชีย ในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย
ฟุตบอลโลก2018 รอบ16 ทีม – ดวลจุดโทษชนะ เดนมาร์ก 3-2 (เสมอ 1-1 ในเวลา 120 นาที)
ฟุตบอลโลก2018 รอบ8 ทีม – ดวลจุดโทษชนะ รัสเซีย 4-3 (เสมอ 2-2 ในเวลา 120 นาที)
ฟุตบอลโลก2022 รอบ16 ทีม – ดวลจุดโทษชนะ ญี่ปุ่น 3-1 (เสมอ 1-1 ในเวลา 120 นาที)
นอกจากนี้ โครเอเชีย ยังรักษาสถิติแพ้เพียงแค่ทีมเดียวในฟุตบอลโลก รอบน็อกเอาต์ จากการลงเล่น 9 นัด (ชนะ 4 เสมอ 3 แพ้ 2) ซึ่งทั้ง 2 ครั้งเป็นการพ่ายให้กับ ทีมชาติฝรั่งเศส ในฟุตบอลโลก 1998 รอบรองชนะเลิศ (แพ้ 1-2) และฟุตบอลโลก 2018 รอบชิงชนะเลิศ (แพ้ 2-4)
ขณะที่ โดมินิค ลิวาโควิช ผู้รักษาประตูฮีโร่ของ โครเอเชีย ที่เซฟจุดโทษของ ญี่ปุ่น ได้ถึง 3 ลูก จาก ทาคุมิ มินามิโนะ, คาโอรุ มิโตมะ และ มายะ โยชิดะ ก็กลายเป็นนายทวารคนที่ 3 ในฟุตบอลโลก ที่ป้องกันจุดโทษได้ถึง 3 ครั้งในเกมเดียว ต่อจาก ริคาร์โด (โปรตุเกส ชนะจุดโทษ อังกฤษ 3-1) ในฟุตบอลโลก 2006 รอบ 8 ทีม และ ดานิเยล ซูบาซิช (โครเอเชีย ชนะจุดโทษ เดนมาร์ก 3-2) ในฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีม
ญี่ปุ่น VS โครเอเชีย 1-1 (จุดโทษ 1-3) : ทัพซามูไร ดวลโทษพ่าย ตาหมากรุก
ช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งหลัง ทั้งสองทีมก็ผลัดกันครองบอลเปิดเกมรุก ทว่าก็ยังไม่มีจังหวะจบสกอร์แบบจะแจ้งกันเลย ทำให้ต้องไปตัดสินกันด้วยการดวลลูกจุดโทษ
ผลการยิงจุดโทษ มีดังนี้
คนที่1 : ทาคูมิ มินามิโนะ (ญี่ปุ่น) ยิงไม่เข้า / นิโกลา วลาซิช (โครเอเชีย) ยิงเข้า
คนที่2 : คาโอรุ มิโตมะ (ญี่ปุ่น) ยิงไม่เข้า / มาร์เซโล่ โบรโซวิช (โครเอเชีย) ยิงเข้า
คนที่3 : ทาคูมะ อาซาโนะ (ญี่ปุ่น) ยิงเข้า / มาร์โก ลิวายา (โครเอเชีย) ยิงไม่เข้า
คนที่4 : มายะ โยชิดะ (ญี่ปุ่น) ยิงไม่เข้า / มาริโอ ปาซาลิช (โครเอเชีย) ยิงเข้า
จบเกม ญี่ปุ่น พ่ายจุดโทษให้กับ โครเอเชีย ไปแบบสุดเจ็บช้ำ 1-3 หลังทั้งสองทีมเสมอกันในเวลา 120 นาที 1-1 ทำให้ ทัพ “ซามูไรบลูส์” ยังไม่สามารถลบอาถรรพ์ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ ส่วน พลพรรค “ตาหมากรุก” เข้ารอบไปรอเจอผู้ชนะระหว่าง บราซิล และ เกาหลีใต้ ต่อไป